หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

10-มันรุมเร้า ยุ่งเหยิง จิตกระเจิง


  • มันรุมเร้า ยุ่งเหยิง จิตกระเจิง
  • ผมกระเซิง ปัดป่าย ไขว่คว้าหา
  • มันหลอกหลอน ดิ้นรน ให้ได้มา
  • เจ้าตัณหา เล่นเรา เสียยับเยิน 
  • ไม่เคยพอ ในสิ่ง ที่หลงอยาก
  • ช่างมักมาก เสียจริง กิเลสเอ๋ย
  • ปรนเปรอเจ้า มานาน จนคุ้นเคย
  • พอทำเฉย มันกระแทก เสียแหลกลาน
  • แต่นี้ไป ขอยุติ เจ้าตัวอยาก
  • ขอจำพราก อัตตา เจ้าปัญหา
  • ปล่อยให้มัน ดิ้นเอง ในอุรา
  • ถึงเวลา จางหาย ของมันเอง
  • จึงสรุป ลงสู่ ธรรมชาติ
  • จะไม่พลาด เผลอใจ ให้ตัณหา
  • ขอยุติ ต้นเหตุ คืออัตตา
  • หมดเวลา เวียนเกิด ชดใช้กรรม


09-เพราะเหลือกู



  • จิตพุทธะ พุทธะจิต บริสุทธิ
  • อันวิสุทธิ์ อยู่แล้ว ในใจเจ้า
  • ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องติด ไม่ต้องเอา
  • ไม่ต้องเฝ้า ไม่ต้องคอย หาอะไร


  • ไม่ต้องยึด ไม่ต้องเกาะ ในทุกสิ่ง
  • ไม่ต้องวิ่ง ไม่ต้องหา เพราะความหลง
  • เพียงยุติ ตัวคอยซ้อน ที่ดำรง
  • ให้ปลดปลง ทุกสิ่งอย่าง ออกจากใจ


  • ให้วางเรา แต่มิใช่ ไปวางมัน
  • ต้องรู้ทัน ตัวกู ที่พาหลง
  • เผลอวางมัน แต่เสร็จกู ยังมั่นคง
  • ก็ต้องลง เวียนเกิดตาย เพราะเหลือกู





08-อันธรรมะ แท้จริงคือ ธรรมชาติ


  • บริสุทธิ์ อยู่แล้ว เป็นเดิมที
  • ไม่ต้องมี สิ่งเสริม เติมความใส่
  • คือความจริง แห่งสัจจะ พ้นทุกข์ภัย
  • คือดวงใจ แห่งพุทธา นุภาพธรรม
  • เพียงยุติ ตัวตน ออกจากจิต
  • อีกความคิด ก็ไม่เที่ยง ของมันหนา
  • ทั้งผู้รู้ สับเปลี่ยน ทุกเวลา
  • ตัวมุ่งหา ไขว่คว้า บิดเบือนธรรม
  • อันกุศล ผลบุญ แค่อาศัย
  • อีกทุกข์ภัย คือธรรม ที่เกื้อหนุน
  • เป็นอย่างนี้ คลุกเคล้า ทั้งโทษคุณ
  • คอยเจือจุน สังขาร พบทางธรรม
  • จิตแปรปรวน หวนให้ อาลัยเศร้า
  • เพราะคอยเฝ้า เกาะกุม ตามกระแส
  • ที่ไหลวน รุมเร้า ติดตัวแจ
  • แล้วหลงแก้ หลงผูก ในตัวธรรม
  • อันธรรมะ แท้จริงคือ ธรรมชาติ
  • ที่ไม่ขาด ไม่เกิน ในวิถี
  • แต่ตัวตน หลงซ้อนแก้ ธรรมวิธี
  • เป็นผู้หนี ผู้สู้ อยู่ทุกกาล
  • เพียงยุติ อัตตา ทับซ้อนธรรม
  • หมดสิ้นกรรม ทุกอย่าง ที่ทับถม
  • ตระหนักรู้ แจ่มแจ้ง จิตภิรมณ์
  • เหมือนสายลม ผ่านมา แล้วผ่านไป
  • จึงท่ามกลาง ทุกสิ่ง ที่บังเกิด
  • แม้ประเสร็ฐ เลิศหรู ไร้ความหมาย
  • เป็นภาพลวง ของมาร คอยทำลาย
  • เพื่อฉุดกาย จิตนี้ ชดใช้กรรม


07-โปรดทุกคน



  • แสงสุริยา สาดส่อง ยามรุ่งสาง ภาพเลือนลาง เริ่มชัด ประจักษ์เห็น มองทุกสิ่ง เด่นชัด ตามที่เป็น มิซ่อนเร้น หลบลี้ หนีหายไป

  • คือแสงธรรม แสงทอง สาดส่องจิต ไร้ถูกผิด ท่ามกลาง กระจ่างใส ปลงทุกสิ่ง ที่เห็น เป็นความนัย ด้วยดวงใจ แห่งพุทธา โปรดทุกคน



06-จากฟากฟ้าศุราลัย สู่แดนดิน



  • ดวงอาทิตย์ อัสดง ลับขอบฟ้า
    ถึงเวลา พระจันทร์ ฉายส่องแสง
    ช่วยขับไล่ ความมืด ม่านกำแพง
    เป็นดั่งแสง นำทาง ผู้มืดมน
  • เปรียบดังเช่น พระธรรม ทั่วโลกหล้า
    คอยนำพา ผู้คน มิให้หลง
    ออกจากทุกข์ ซ้ำซาก ด้วยการปลง
    จึงจะตรง ต่อพระธรรม พ้นทุกข์ภัย
  • เป็นคำสอน ฟังง่าย ในสมมุติ
    เพียงแค่หยุด อัตตา ที่แทรกซ้อน
    ปล่อยให้เกิด และดับเอง ทุกขั้นตอน
    ไม่อาวรณ์ ต่อตัวตน เป็นสำคัญ
  • เมื่อไม่ยึด ในตัวตน ก็สิ้นเกิด
    หมดกำเนิด ในอัตตา ก็สิ้นหวัง
    อิสระ ท่ามกลาง คือพลัง
    ภพหยุดยั้ง ชาติสิ้น คืนสู่ธรรม

(พระธรรมฉายแสง จากฟากฟ้าศุราลัย สู่แดนดิน)






05-นิพพานอยู่แล้วทันที


  • ทุกข์สุขนั้น คือธรรม ที่สับเปลี่ยน
    คอยหมุนเวียน ให้ผล ตามวิถี
    ที่ตอกย้ำ มาเก่าก่อน มีชั่วดี
    ยากหลีกหนี เพราะเป็นผล ที่ต้องเจอ
  • ขอให้เธอ ทั้งหลาย จงยั้งคิด
    ด้วยชีวิต เกิดมา เพราะความหลง
    โดนอำนาจ แห่งวิบาก มัดมั่นคง
    ต้องตกลง สู่พิภพ ชดใช้กรรม
  • แต่ทางรอด นั้นมีอยู่ ใกล้แค่เอื้อม
    คือความเสื่อม ที่มีอยู่ ให้เราเห็น
    ไม่ยึดติด ในทุกสิ่ง ที่มีเป็น
    ธรรมดับเย็น เพราะละได้ คืออัตตา
  • เมื่อตื่นรู้ ในความจริง แห่งสัจจะ
    หมดมานะ ในทิฏฐิ ที่ยึดมั่น
    ไม่หลงรู้ หลงเห็น วางฉับพลัน
    จิตเดิมนั้น จะปรากฏ ไร้มลทิน
  • เป็นของเดิม ที่วิสุทธิ์ อย่างเต็มที่
    คือวิถี ธรรมชาติ แห่งพุทธะ
    ปลงปล่อยวาง ในทุกสิ่ง ล้วนสละ
    เป็นสัจจะ แห่งพระธรรม ชี้นำทาง...

  • (นิพพานอยู่แล้วทันที)...



04-เป็นธรรมเดิม



  • เป็นธรรมเดิม ที่ไร้ การปรุงแต่ง
    เปรียบดั่งแสง สุริยา ส่องเฉิดฉาย
    สถิตพร้อม อยู่แล้ว กลางใจกาย
    คือความหมาย แห่งนิพพาน อยู่ในที
  • เพียงแค่วาง อัตตา ที่ยึดติด
    ออกจากจิต มายา ที่หลอกหลอน
    ไร้ตัวตน ยึดติด ในขั้นตอน
    คือคำสอน แห่งพระธรรม ส่องนำทาง
  • นิรทุกข์  เป็นชื่อ ในสมมุติ
    จิตวิสุทธิ์ ไร้นาม ธาตุทั้งหลาย
    อยู่นอกเหนือ สมมุติ เช่นใจกาย
    แต่มิวาย ก็ยังชื่อ นิรทุกข์

(ใช้สมมุติเพื่อสะท้อนให้เข้าใจในสมมุตินั้นๆ)
สาธุ...






03-ก็เป็นเพียง ภาพมายา



  • ก็เป็นเพียง ภาพมายา ที่ปารกฏ
    ไร้กำหนด ก่อเกิด ให้รู้เห็น
    เป็นเพียงลม พัดผ่าน เพราะจำเป็น
    ซ่านกระเซ็น เพราะอ่อนไหว ตามแรงลม

  • จะอดีต ปัจจุบัน นั้นไม่เที่ยง
    เพราะสำเนียง เป็นเพียงคำ ดั่งลมหวน
    อนาคต ช่างลบเลือน เพราะแปรปรวน
    กาลผันผวน เพราะเป็นธรรม อนัตตา

  • ใยจดจ่อ ในอารมณ์ ความรู้สึก
    คอยหวนนึก ถึงภาพ แห่งความหลัง
    หรือจะยอม ให้เหล่ามาร กระทืบพัง
    ไม่ยับยั้ง เพราะอ่อนแอ พ่ายแพ้มาร
  • อันกระแส ที่ปรากฏ เพียงทดสอบ
    จงรอบคอบ ต่อภาพหลอน แห่งความหลัง
    หากปล่อยใจ ในกระแส ที่ประดัง
    หมดกำลัง กระโดดข้าม วิบากกรรม
  • บารมี ปุถุชน สู้ไม่ไหว
    เพราะหัวใจ ไม่มี กำลังเสริม
    ต้องเข้ามา สวมเครื่องทรง เหมือนของเดิม
    คือการเพิ่ม ของที่ขาด ครบสมบูรณ์
  • ดั่งบุรุษ ผู้ก่อเกิด ขึ้นมาใหม่
    ด้วยหัวใจ มีพระธรรม คุ้มแน่นหนา
    มีพลัง ที่เหยียบย่ำ เหล่ามายา
    มารอ่อนล้า ด้วยพุทธา นุภาพธรรม
  • มีทางเดียว เป็นหนทาง เพื่อหลุดรอด
    เป็นทางปลอด จากบ่วงมาร ผู้ห้าวหาร
    ด้วยห่มผ้า เครื่องทรง ตลอดกาล
    ธรรมห้าวหาญ ปราบพยศ มารไพรี



02-รกคะรึง คึงคัง รุงรังจิต







  • รกคะรึง คึงคัง รุงรังจิต
  • โยงใยติด ยุ่มย่าม เคล้าตัณหา
  • ยิ่งสอดรู้ สอดเห็น ในมายา
  • เกิดอัตตา ตัวตน ทับซ้อนธรรม


  • เปรียบแมงเม่า ติดหยากใย่ ตัวไหมฟ้า
  • เหนื่อยอุรา ยิ่งดิ้นหนี กลับแน่นหนา
  • ต้องเป็นเหยื่อ อาหาร อันโอชา
  • ของพญา มัจจุราช ผู้ลงทัณฑ์


  • นี่เพราะความ ไม่รู้ พาหลงผิด
  • แม้กายจิต ก็ยัง ยากคาดหวัง
  • เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ เข้าประดัง
  • ยากหยุดยั้ง เพราะเป็นธรรม ของมันเอง


  • เมื่อดำริ ถอนอัตตา จากดวงจิต
  • ไร้ถูกผิด เพราะเป็นธรรม เสื่อมสลาย
  • เลิกซ้อนรู้ ซ้อนเห็น ในใจกาย
  • หมดความหมาย ในอัตตา ตรงนิพพาน

  • อันวิบาก ก่อเกิด เมื่อยึดมั่น
  • ไม่รู้ทัน ความจริง ในวิถี
  • หลงไขว่คว้า เอามา ทุกวิธี
  • มีชั่วดี คลุกเคล้า เศร้าวิญญา

  • เมื่อตื่นรู้ ในความจริง แห่งสัจจะ
  • ตามองค์พระ พุทธา พาคลายหลง
  • ไม่ยึดติด ทุกสิ่ง ที่ดำรง
  • จึงจะตรง ต่อเนื้อหา พระนิพพาน

  • สรรพสิ่ง ทั้งหลาย แค่อาศัย
  • แม้กายใจ ก็เปลี่ยนแปลง ยากคาดหวัง
  • ปลงปล่อยวาง ในอัตตา คือพลัง
  • เพื่อหยุดยั้ง กรรมวิบาก มาลากไป

  • เธอเกิดมา มีอะไร ติดมาบ้าง
  • ทุกสิ่งอย่าง ว่างเปล่า ไม่ใช่หรือ
  • มัวหลงยึด เกาะกุม ไว้ในมือ
  • แล้วที่ถือ มองให้ดี มีอะไร

01-ธรรมชาติแห่งพุทธะของทุกคน




อวตาร จุติ โลกธาตุ
ปทุมมาศ รองรับ ธรรมวิถี
เทพเทวา ฟ้าดิน พร้อมนที
สดุดี ด้วยเศียรเกล้า พระทรงธรรม

เป็นต้นธาตุ ต้นธรรม สู่ทั่วหล้า
ทรงนำพา แสงธรรม ส่องวิถี
ล้างโมหะ ความหลง หมู่ไพรี
ราชสีห์ ร้องคำราม ประกาศธรรม

เสียงกึกก้อง กัมปนาท สนั่นไหว
จากพงไพร สู่ดวงใจ ท่านทั้งหลาย
ปลุกให้ตื่น จากหลับไหล อยู่มิวาย
ล้างสลาย ตัวอัตตา ที่นอนเนือง

สุรเสียง แห่งองค์พระ สุรสีห
สู่คำภีร์ ความว่าง จากยึดหมาย
หมดอัตตา ความหลง ในใจกาย
เปรียบดั่งสาย นที ไม่ข้องคา

อิสระ นอกเหนือ การกำหนด
ช่างหมดจด จากมลทิน สิ่งเศร้าหมอง
เป็นกายธรรม ดำเนิน ตามครรลอง
ธรรมประคอง สู่วิถี พระนิพพาน

เมื่อสิ้นสุด สุดสิ้น ในยึดติด
กายศักดิ์สิทธิ์ น้อมนำ สู่เนื้อหา
ในการโปรด เหล่าสัตว์ ด้วยศรัทธา
ล้างโลกา ด้วยแสงธรรม พุทธองค์..

.............(ธรรมชาติแห่งพุทธะของทุกคน)...............